
อิสราเอลผ่อนคลายมาตรการ อนุญาตให้ส่งอาหารพื้นฐานเข้ากาซา
อิสราเอลประกาศอนุญาตให้ส่ง อาหารในปริมาณพื้นฐาน เข้าสู่ ฉนวนกาซา หลังจากปิดล้อมพื้นที่มาเป็นเวลา กว่า 10 สัปดาห์ เพื่อลดแรงกดดันจากนานาชาติและหลีกเลี่ยง วิกฤตด้านมนุษยธรรม ที่อาจทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้มีขึ้นหลังจากสำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเผยว่า เป็นไปตามคำแนะนำของ กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุน ปฏิบัติการทางทหารต่อกลุ่มฮามาส และจำกัดอิทธิพลของกลุ่มติดอาวุธดังกล่าวในการควบคุมการแจกจ่ายความช่วยเหลือ
ที่ผ่านมา อิสราเอลถูกวิจารณ์อย่างหนักจากองค์การสิทธิมนุษยชนและหลายประเทศทั่วโลก เนื่องจาก ไม่อนุญาตให้ส่งอาหาร เชื้อเพลิง หรือยารักษาโรค เข้าฉนวนกาซา ทำให้ประชากรกว่า 2.1 ล้านคนเผชิญกับความอดอยาก ภาพเด็กผอมโซและขาดสารอาหารเริ่มเผยแพร่ในวงกว้าง
ในแถลงการณ์จากนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ระบุว่า จะอนุญาตให้ส่ง “อาหารจำนวนหนึ่ง” เข้ากาซา เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตขาดแคลน และไม่ให้สถานการณ์กระทบต่อ Operation Gideon’s Chariot ซึ่งเป็นแผนการใหม่ของอิสราเอลในการรุกทางทหาร
ขณะเดียวกัน การโจมตีภาคพื้นดินของกองทัพอิสราเอลยังคงดำเนินต่อไป ทั้งในเมือง ข่านยูนิส, เบต ลาเฮีย และ ค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย โดยมีเป้าหมายปล่อยตัวตัวประกันและลดศักยภาพของกลุ่มฮามาส
ข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุขกาซา ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของฮามาสระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 67 ราย และบาดเจ็บ 361 ราย ภายใน 24 ชั่วโมงล่าสุด รวมถึงการโจมตีค่ายผู้พลัดถิ่น อัลมาวาซี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการประกาศเป็น “เขตปลอดภัย”
อีกหนึ่งจุดที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์คือการโจมตีใกล้ โรงพยาบาลอินโดนีเซีย ในเขตกาซาเหนือ โดยทางการกาซาระบุว่าไม่มีคำเตือนใด ๆ ล่วงหน้า และไม่มีเป้าหมายทางทหารในพื้นที่นั้น ขณะที่โรงพยาบาลรัฐ 3 แห่งในพื้นที่นี้ หยุดให้บริการโดยสิ้นเชิง
ในอีกด้านหนึ่ง การเจรจาหยุดยิงระหว่าง อิสราเอลกับฮามาส ที่จัดขึ้นในกาตาร์ยังคงคืบหน้าอย่างช้าๆ โดยมีข้อเสนอเรื่องการ ปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมด แลกกับการถอนทหารอิสราเอล และการอนุญาตให้นำเข้าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างถาวร
อย่างไรก็ตาม อิสราเอลยังคง ปฏิเสธข้อตกลงหยุดยิงถาวร และยืนยันว่าการเจรจาจะต้องรวมถึงการปลดอาวุธกลุ่มฮามาสโดยสมบูรณ์